ผลไม้ลดความอ้วน ผลไม้ลดน้ำหนัก ผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน

Edit


ผลไม้ลดความอ้วน ผลไม้ลดน้ำหนัก ผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน

 

     บทความสุขภาพเราขอเสนอบทความผลไม้ลดความอ้วน ผลไม้ลดน้ำหนัก ผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน ซึ่งผลไม้ลดความอ้วนจะให้พลังงานที่ต่ำแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง รวมกับประโยชน์ของผลไม้นั้นๆ การลดน้ำหนักนั้นอาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก หากมีของกินที่ดีต่อให้เรากินมากยังไงก็กินแล้วไม่อ้วน หากจะพูดเรื่องผลไม้ที่ช่วยในการลดน้ำหนักแล้ว ไม่มีใครไม่รู้ว่าส่วนใหญ่สิ่งที่ช่วยลดน้ำหนักจากผลไม้คือ กากใยอาหารจากผลไม้ สารไปลดความอยากอาหาร ลดการสร้างไขมัน และสลายไขมัน

 

ผลไม้ลดความอ้วน

ผลไม้ลดความอ้วน


แอปเปิ้ล - Apple

 

ผลไม้ลดน้ำหนัก

ผลไม้ลดน้ำหนัก

 

      บทความสุขภาพ เจอวลีที่กล่าวไว้ว่า "กินแอปเปิ้ลวันละ1ผล จะทำให้แพทย์จน" อันนี้คนไทยแปลจาก "Apple a day Doctor away" ครับ แอปเปิ้ลเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ดี ใช้เป็นผลไม้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

     การเลือกแอปเปิ้ลควรเลือกลูกที่เนื้อแน่น บริเวณขั้วไม่เหี่ยวแห้ง ควรเลือกกินแอปเปิ้ลผลสด เพราะส่วนที่มีวิตามินและคุณค่าทางอาหารของแอปเปิ้ลอยู่ในเนื้อและเปลือกผลไม้ แอปเปิ้ลมีเนื้อสีขาว ส่วนเปลือกของแอปเปิ้ลนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละพันธุ์ รสชาติหวานอมเปรี้ยว กรอบ กลิ่นหอม แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต้านทานโรคให้แก่ร่างกายของเรา ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัยรวมถึงมะเร็งโรคร้ายต่างๆได้

 

     แอปเปิ้ลให้พลังงานน้อยแต่มีน้ำตาลฟรุกโตสมาก ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ภายใน10นาทีหลังจากกินแอปเปิ้ลเข้าไป ร่างกายจะเผาผลาญน้ำตาลฟรุกโตสอย่างช้าๆเป็นผลให้ร่างกายสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ 

 

     แอปเปิ้ลจึงเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน แอปเปิ้ลไม่ทำให้อ้วน และแอปเปิ้ลเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพยอดนิยมของคนลดน้ำหนัก และลดความอ้วนรวมถึงทางผู้จัดทำบทความสุขภาพนี้เองก็ชอบแอปเปิ้ล ที่สำคัญเปลือกและเนื้อแอปเปิ้ลจะมีเส้นใยอาหารที่เรียกว่า เพคติน มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของกากใยอาหาร ช่วยเรื่องขับถ่ายและลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่กระแสเลือดอีกด้วย

 

     สารอาหารของแอปเปิ้ล ผลไม้เพื่อสุขภาพ ขนาดกลาง ไม่ปอกเปลือก 1 ผล แอปเปิ้ลจะให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ วิตามินซี 7.9 มิลลิกรัม วิตามินบีหก 0.1 มิลลิกรัม เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 158.7 มิลลิกรัม หากปอกเปลือกแอปเปิ้ลปริมาณสารสำคัญต่างๆจะลดลงจากที่กล่าวไว้

 

     แอปเปิ้ลที่ท่านพบเห็นตามท้องตลาด มีหลากสีหลายพันธุ์ให้เลือกบริโภคใต้ตามอัธยาศัย แล้วแอปเปิ้ลแต่ละสีที่เราเห็น มันมีความแตกต่างกันอย่างไรล่ะ เรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพ สารอาหาร เรามาดูประโยชน์ต่อสุขภาพของแอปเปิ้ลผลไม้เพื่อสุขภาพแต่ละสีกันเลยครับ

 

     แอปเปิ้ลสีแดง มีจุดเด่นที่เป็นสารสำคัญคือมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากที่สุด มีอีลาสติน และคอลลาเจนสูง ซึ่งดีต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวพรรณแข็งแรงแจ่มใส 

 

     แอปเปิ้ลสีเขียว แอปเปิ้ลเขียวมีรสมเปรี้ยวอมหวาน ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ใช้เป็นผลไม้ลดน้ำหนักได้ดี เพราะแอปเปิ้ลเขียวช่วยลดความอยากอาหาร และมีระดับน้ำตาลน้อย ทั้งยังมีอีลาสตินและคอลลาเจน เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนังอีกด้วย

 

     แอปเปิ้ลสีชมพู มีสารฟิโนลิกมากที่สุดจะช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะล่อความแก่ มีฟลาโวนอยด์ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซีเข้าสู่กระแสเลือด 

 

     แอปเปิ้ลสีเหลือง มีประโยชน์ต่อสุขภาพต่างจากสีอื่นๆ โดยมีสารเควอร์ซิตินช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก

 

     แอปเปิ้ลไม่ได้มีวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณสูงมากนักเมื่อเทียบกับกล้วย ฝรั่ง หรือส้ม แต่ถ้าเรารับประทานแอปเปิ้ลวันละ 2-4 ผล โดยไม่ปอกเปลือก จะทำให้ร่างกายได้รับกากใยอาหารและสารอาหารที่พอเหมาะ


องุ่น - Grape

 

ผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน

ผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน

 

      องุ่น 100 กรัม ให้พลังงาน 70 กิโลแคลอรี่ ส่วนใหญ่เป็นน้ำตาล 15.48 กรัม วิตามินซี 10.8 มิลลิกรัม สารอาหารที่สำคัญขององุ่น คือ น้ำตาลและสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์อีกประมาณ 7-8 ชนิด เป็นน้ำตาลกลูโคส น้ำตาลซูโคส วิตามินซี นอกจากนี้ยังมีเหล็กและแคลเซียม 

 

     องุ่นเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่เกี่ยวกับความงาม เพราะเมล็ดองุ่นมีสารอาหารที่สำคัญคือ วิตามินอี flavonoids กรดไลโนเลอิก OPCs และเปลือกของผลองุ่นก็มีสารประกอบเหล่านี้เช่นเดียวกันกับเมล็ดองุ่น แต่มีปริมาณน้อยกว่า ส่วนในน้ำองุ่นและไวน์ก็มีสารประกอบที่สกัดได้เช่นเดียวกัน แต่มีปริมาณน้อยกว่าในเมล็ดองุ่น 

 

     นอกจากนั้นผลองุ่นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มเดียวกับ OPCs อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า Resveratrol จัดอยู่ในกลุ่มของสารประกอบโฟลีฟีนอล เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ประสิทธิภาพสูง ซึ่งส่วนใหญ่พบในบริเวณผิวหนัง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน และกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาถึงคุณสมบัติในการบำบัดรักษาโรคหลายชนิด 

 

     องุ่นเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่จะช่วยเกี่ยวกับเรื่องโรคของหลอดเลือด การลดไขมัน ลดคอเรสเตอรอล ลดการเกิดมะเร็ง รักษาพิวผรรณ ป้องกันการเสื่อมของตา อีกด้วย

 

     OPCs คือ โอลิโกเมอริก โปรแอนโธไซยานิดินส์ (Oligomeric Proanthocyanidins) เป็นสารสำคัญที่พบมากในเมล็ดองุ่นชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มของไบโอฟลาโวนอยด์ มีคุณสมบัติที่สำคัญในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง และละลายน้ำได้ดี 

 

     ดังนั้นในเมล็ดองุ่นจึงมีสารประสิทธิภาพมากในการปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ รวมถึงมีประสิทธิภาพในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และมากกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า 

 

     ข้อควรระวัง : ไม่แนะนำให้บริโภคสารจากเมล็ดองุ่นมากสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวช้าหรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และควรหยุดการรับประทานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนและหลังการผ่าตัดหรือทำฟัน



ส้มเขียวหวาน - Orange

 

ส้มเขียวหวาน

ส้มเขียวหวาน

 

     ส้มเขียวหวานในไทย 1 ผลประมาณ 100 กรัม ให้คุณค่าทางอาหารสำคัญๆคือ คาร์โบไฮเดรต 9.90 กรัม โปรตีน 0.60 กรัม ไขมัน 0.20 กรัม แคลเซียม 31.00 มิลลิกรัม เหล็ก 0.80 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 18.00 มิลลิกรัม วิตามินเอ 4000 หน่วยสากล วิตามินซี 18 มิลลิกรัม เส้นใย 0.02 กรัม ความชื้น 88.70 กรัม พลังงาน 44 กิโลแคลอรี่ 

 

การเลือกซื้อส้มเขียวหวาน

 

     การเลือกซื้อส้ม ถ้าต้องการส้มที่มีรสหวานรสชาติอร่อย ควรเลือกที่มีผิวเรียบเนียน เปลือกบาง เช่นเดียวกับมะนาวที่ผิวเรียบเนียน เปลือกบางจะให้น้ำเยอะ ถ้าเป็นส้มเขียวหวานก็จะหวานมาก 

 

ประโยชน์ของส้ม - ส้มเขียวหวาน 

 

  •  ดื่มน้ำส้มเพื่อเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ลดความเครียด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

     

  •  ส้มมีสารไฟโตนิวเทรียนต์มาก ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

     

  •  ส้มเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีวิตามินซี ป้องกัน เลือดออกตามไรฟัน และมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในร่างกาย

     

  •  ในส้มมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันการอักเสบ และเลือดจับตัวเป็นก้อน

     

  •  ส้มมีคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ไม่แห้งแตก และยังช่วยสมานแผลหลังผ่าตัด แผลไฟไหม้ ให้หายเร็วและแผลเรียบเนียน

 

ข้อควรระวัง 

 

     เด็กต้องอายุมากกว่า 6 เดือนและการให้ดื่มน้ำส้มควรจะผสมน้ำเปล่าเข้าไป ในปริมาณครึ่งต่อครึ่ง เพื่อลดการระคายเคืองสำหรับเด็ก เพราะส้มมีรสชาติเข้มข้น การผสมน้ำก็เป็นอีกวิธีสำคัญที่ทำให้เด็กไม่ติดกินหวานได้ดีอีกด้วย และถัดมาสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคไตหรือคิดว่ากำลังจะลดความอ้วน ควรกินด้วยความระมัดระวัง เพราะส้มมีน้ำตาลและโพแทสเซียมสูง แต่ถ้าจะกินควรเลือกกินส้มทั้งผลเพราะว่าส้มมีกากใยมากกว่าน้ำส้มคั้น

 

กล้วย - Banana 

 

กล้วย

กล้วย

 

     กล้วยเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยน้ำตาลจากธรรมชาติถึง 3 ชนิดเลยทีเดียวนั่นก็คือ ซูโครส กลูโคส และฟรุกโตส ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย น้ำตาลในกล้วยมีคุณค่ากว่าน้ำตาลที่ได้จากธัญพืชอื่นๆ สารอาหารหลักในกล้วยคือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และยังมีคุณสมบัติที่ย่อยง่าย ทางการแพทย์จึงได้เลือกให้กล้วยน้ำว้าสุกเป็นอาหารเสริมในวัยทารก  

 

     สารอาหารโปรตีนที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้า เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นอยู่หลายชนิดในกล้วย  โดยเฉพาะมีกรดอะมิโน อาร์จินิน และ ฮีสทิดีน ซึ่งกรดอะมิโนทั้ง 2 ตัวนี้ เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก

 

ประโยชน์ของกล้วย

ประโยชน์ของกล้วย

 

     แอปเปิ้ลผลไม้เพื่อสุขภาพที่ขึ้นชื่อเรื่องความมีประโยชน์ ก็ยังแพ้กล้วยเพราะว่าในกล้วยนั้นมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆมากกว่าแอปเปิ้ลถึง 2 เท่า โดยมีคาร์โบไฮเดรตมากกว่า 2 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่า 3 เท่า มีโปรตีนมากกว่า 4 เท่า วิตามินเอและธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า โดยการกินกล้วยจะให้ดีที่สุดคือกินตอนเช้าเพื่อจะช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้ดี และการกินกล้วยทุกวันวันละ 2 ผลจึงเป็นสิ่งที่ดีมากๆ

 

ฝรั่ง - Guava

 

ฝรั่ง

ฝรั่ง

 

     ฝรั่งเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด โดยฝรั่งจัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกชนิด ในฝรั่ง 100 กรัม ให้พลังงาน 68 กิโลแคลอรี่ มีวิตามินซีสูง 180 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าเต่งตึงไม่แก่ก่อนวัย และวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งตัวอนุมูลอิสระ ทำให้คอลลาเจนและอีลาสติน เสื่อมสภาพ ผิวหนังเหี่ยวแห้ง เกิดริ้วรอยตีนกา 

 

     วิตามินซีจากฝรั่งจึงมีความสำคัญต่อการสร้างและบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เซลล์นับล้านตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื่อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจน มันคือคอลลาเจนตัวเดียวกับคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าเต่งตึงนั่นเอง ฉะนั้นฝรั่งจึงเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพชั้นดีที่ทั้งทำให้ผิวสวย และฝรั่งยังช่วยเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดีอีกด้วย

 

สตรอเบอร์รี่ - Strawberry

 

สตรอเบอร์รี่

สตรอเบอร์รี่

 

     สตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีความหอมและน่ากินเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งสตรอเบอร์รี่ "Strawberry" มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เคอซิติน (Quercetin) เคมเพอรอล (Kaempferol) แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) สารดังกล่าวจะไปช่วยยับยั้งการสร้างสารคาร์ซิโนเจน (Carcinogens)  ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการก่อโรคมะเร็ง รวมทั้งไปบล็อคกลไกหรือกระบวนการ (ตั้งแต่เริ่มแรก) ไม่ให้เกิดโรคขึ้น และถ้าเกิดขึ้นแล้ว มันก็จะไปยับยั้งเนื้องอก (tumors) ไม่ให้เจริญอีกต่อไป และสตรอเบอร์รี่ยังเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีวิตามินซีในปริมาณสูง 

 

     สตรอเบอร์รี่สดประมาณ 100 กรัม จะมีวิตามินซีมากถึง 58 มิลลิกรัม สตรอเบอร์รี่มีวิตามินซีเป็น 10 เท่าของแตงโม แอปเปิล และองุ่น และมีส่วนช่วยลดโอกาสการเป็นโรคมะเร็งด้วย ซึ่งเมื่อนำสตรอเบอร์รี่ไปเทียบกับผลไม้เพื่อสุขภาพชนิดอื่นในเรื่องการช่วยต้านอนุมูลอิสระ 

 

     พบว่า สตรอเบอร์รี่จะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าส้มถึงหนึ่งเท่าครึ่ง มากกว่า องุ่นแดง 2 เท่า มากกว่า กีวี 3 เท่า มากกว่า มะเขือเทศ 7 เท่า มากกว่า กล้วยหอม 7 เท่า และมากกว่า ลูกแพร ถึง 15 เท่า สามารถบำรุงสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงห่างไกลจากโรคหลายๆโรคได้ อย่าลืมบริโภคสตรอเบอร์รี่ผลไม้เพื่อสุขภาพเป็นประจำนะครับ หนุ่มหล่อ สาวสวยของบทความสุขภาพ

 

มะเขือเทศ - Tomato

 

มะเขือเทศ

มะเขือเทศ

 

     มะเขือเทศเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีสารอาหารสูง โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางหนึ่งผลจะมีปริมาณวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งผล มะเขือเทศผลหนึ่งจะมีวิตามินเอราว 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้มะเขือเทศยังมีโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายชนิด

 

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

 

     มะเขือเทศมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์จำพวก แคโรทีนอยด์ ชื่อ ไลโคพีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารสีแดง และวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินเค โดยเฉพาะวิตามินเอ และวิตามินซี มีในปริมาณสูง มีกรดมาลิค กรดซิตริก ซึ่งให้รสเปรี้ยว และมะเขือเทศยังมีกลูตามิค (Glutamic) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร 

 

     นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารบีตา-แคโรทีน และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก มีคุณสมบัติสามารถลดการเกิดมะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมากได้ หากทานมะเขือเทศ 10 ครั้ง/สัปดาห์ จะช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง 45% มะเขือเทศมี บีตา-แคโรทีน และฟอสฟอรัสมาก และที่มะเขือเทศเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีรสชาติอร่อยนั้น เพราะมีกรดอะมิโนที่ชื่อ กลูตามิค สูง กรดอะมิโนนี้เองเป็นตัวเพิ่มรสชาติให้อาหาร ทั้งยังเป็นกรดอะมิโนตัวเดียวกับที่อยู่ในผงชูรสด้วย มะเขือเทศมี วิตามินพี (citrin) ซึ่งจะช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด 

 

     ประโยชน์ของมะเขือเทศมีหลากหลายและถ้าอยากได้สารอาหารมากขึ้นให้นำมะเขือเทศไปให้ความร้อนแล้วรับประทานเพราะไลโคปีนเมื่อโดนความรับจะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น ฉะนั้นมะเขือเทศก็มีความพิเศษไปนะครับ

 

ลิ้นจี่ - Lychee

 

ลิ้นจี่

ลิ้นจี่

 

     ลิ้นจี่ 100 กรัม ให้ พลังงาน 66 กิโลแคลอรี่ วิตามินซี 71.5 มิลลิกรัม เนื้อลิ้นจี่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน เหล็ก วิตามินบี1 วิตามินบี2 ไนอะซิน และมีวิตามินซีสูง ลิ้นจี่ใช้แก้กระหาย และช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร 

 

     แต่ถ้ากินมากอาจทำให้เกิดอาการร้อนใน ลิ้นจี่ยังมีกรดไขมันที่สำคัญกับร่างกายอีกด้วย เช่น กรดปาล์มมิติก (Plamitic Acid) 12%, กรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) 11%, กรดโอเลอิก (Oleic Acid) 27% ซึ่งมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลิ้นจี่มีวิตามินสูงในผลไม้เพื่อสุขภาพรองจากฝรั่งสามารถช่วยป้องกันโรคร้ายต่างๆได้เป็นอย่างดี และลิ้นจี่เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีไขมันต่ำเหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพที่ควบคุมน้ำหนักลดน้ำหนัก

 

แตงโม - Watermelon

 

แตงโม

แตงโม

 

     แตงโมเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีคุณสมบัติเป็นธาตุเย็น ช่วยลดอาการคอแห้งเป็นไข้ รวมไปถึงบรรเทาอาการเจ็บปวดของแผลในปาก  แผลหายเร็วเพราะแตงโมเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มี ซิทรูไลน์ "citrulline" อยู่มาก สารตัวนี้จะช่วยในการรักษาแผลได้เร็ว ช่วยขยายเส้นเลือด ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน อย่าดื่มแต่น้ำแตงโม ให้กินเนื้อมันเข้าไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นสีขาวอยู่ลึกลงไป แม้รสชาติจะไม่หวาน แต่มีประโยชน์ 

 

     แตงโมเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้ที่ลดความอ้วนเพราะในแตงโมผลหนึ่งมีแคลอรี่แค่ 96 แคลอรี่เท่านั้น และการกินแตงโมที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำ ทำให้เราอิ่มได้เร็ว ช่วยป้องกันการติดเชื้อ การดื่มน้ำแตงโมช่วยเพิ่มเบต้าแคโรทีน ซึ่งร่างกายใช้ในการสร้างวิตามินเอ และการมีวิตามินเอมากๆ ก็จะช่วยป้องกันการติดเชื้อ บำรุงผิวพรรณและผมให้แข็งแรง แตงโมมี ไลโคปีน Lycopene เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งและโรคหัวใจ ประเทศไทยร้อนๆแบบนี้อย่าลืมกินโตงโมเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ จะช่วยให้สดชื่นขึ้นได้แน่นอนครับ  

 

วิธีการเลือกซื้อแตงโม 

 

     ควรเลือกแตงโมที่ลักษณะ เปลือกผิวเรียบ ไม่เป็นรอยบุบ หรือช้ำ ลองดีดแตงโมจะได้ยินเสียงที่แน่น แปลว่าเนื้อในกรอบ สังเกตที่ขั้วแตงโมจะไม่แห้งมากสีคล้ายคลึงกับผิวแตงโม ถ้าเขาผ่าแตงโมให้ดู ควรเลือกที่มีสีแดงเป็นธรรมชาติไม่สดมาก เพราะถ้าสีแดงสดมากใช้สารเร่งสีเยอะ

 

มะลอกอ - Papaya

 

มะละกอ

มะละกอ

 

     มะละกอสุก 100 กรัม ให้พลังงาน 25 กิโลแคลอรี่ มะละกอดิบ 100 กรัมให้พลังงาน 26 กิโลแคลอรี่ วิตามินซี 70 มิลลิกรัม มะละกอเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ ใช้เป็นยาระบาย ยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เป็นต้น และมะละกอยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ เป็นสำคัญ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 ธาตุแคลเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก โปรตีน 

 

     นอกจากการนำมะละกอไปรับประทานสด ๆ แล้ว เรายังสามารถนำไปปรุงอาหาร เช่น ส้มตำ แกงส้ม ฯลฯ หรือนำไปหมักเนื้อให้นุ่มได้อีกด้วย เพราะในมะละกอมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งเรียกว่า พาเพน (Papain) ประโยชน์ของยางมะละกอถูกใช้ในการปรุงอาหาร ซึ่งสามารถนำเอนไซม์ชนิดนี้ไปใส่ในผงหมักเนื้อสำเร็จรูปให้เนื้อเปื่อยเร็วขึ้น บางครั้งนำไปทำเป็นยาช่วยย่อยสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อย 

 

     และมะละกอนั้นยังมีเอนไซม์ Capaine ที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านการเกิดของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว ช่วยบำรุงอวัยวะภายในต่าง ๆ ผลมะละกอทั้งผลดิบและผลสุกยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง ผลมะละกอดิบมีสรรพคุณทางยาสามารถใช้เป็นพืชสมุนไพรช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อนๆ

 

สับปะรด - Pineapple

 

สับปะรด

สับปะรด

 

     สับปะรดจัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่ง สับปะรด 100 กรัม ให้พลังงาน 50 กิโลแคลอรี่ โดยประโยชน์ของสับปะรดนั้นมีอยู่หลากหลายเพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินต่างๆจำนวนมาก ซึ่งได้แก่ คาร์โบไฮเดรต วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 กรดโฟลิก ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุแมงกานีส ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพเราเป็นอย่างมาก และสรรพคุณของสับปะรดทางสมุนไพรนั้น ก็ชวยรักษาอาการต่างๆได้อย่างหลากหลายเช่นกัน เช่น โรคบิด โรคนิ่ว ช่วยบรรเทาอาการแผล เป็นหนอง ขับปัสสาวะ เป็นต้น 

 

กินสับปะรดช่วยอะไร 

 

  •  ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง เพราะสับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการการก่อมะเร็งคะ และสับปะรดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีเอนไซม์บรอมีเลน (Bromelain) ในสับปะรดเองก็ช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งรังไข่ได้อีกด้วย

     

  •  ช่วยย่อยอาหารและแก้ท้องผูก เพราะในสับปะรดมีกากใยอาหารมาก ซึ่งกากใยอาหารตัวนี้เป็นตัวที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือดได้อีกด้วย 

     

  •  ช่วยย่อยโปรตีน เพราะสับปะรดมีเอนไซม์ย่อยโปรตีนตัวที่มีชื่อว่า บรอมีเลน (Bromelain) ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนไม่ให้ตกค้างในลำไส้ และนอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยเกลือแร่ และวิตามินซี

     

  •  ลดความเสี่ยงจากการโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากสับปะรดมีเอนไซม์บรอมีเลน (Bromelain) ที่มีฤทธิ์ช่วยย่อยโปรตีนอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อบรอมีเลน (Bromelain) ถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ก็จะช่วยลดการเกาะกันเป็นลิ่มเลือดของเกล็ดเลือดในเลือดแดง 

 

การรับประทานสับปะรดที่ถูกวิธี   

 

     ให้ใช้มีดใหญ่เฉือนเปลือกออกจนหมด จากนั้นจึงใช้มีดตัดส่วนตาออกเป็นร่องเฉียงเป็นแถว ๆ เอาส่วนตาออกแล้วตัดเป็นชิ้น แล้วเอาเกลือแกงทาให้ทั่ว หรือมิฉะนั้นก็แช่ในน้ำเกลืออ่อน ๆ ประมาณ 2-3 นาที การทาเกลือหรือแช่ในน้ำเกลือนอกจากจะทำให้รสชาติดีขึ้นแล้วยังเป็นการทำลายสารจำพวก Glycoalkaoid และเอ็มไซม์บางชนิด ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้หลังรับประทานครับ

 

มะกอก - Olive

 

มะกอก

มะกอก

 

     ผลมะกอก 100 กรัม ให้พลังงาน 145 กิโลแคลอรี่ มะกอกเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ส่วนใหญ่เป็นไขมัน และคาร์โบไฮเดรตรองลงมา มีกากใยอาหารสูงแต่ไม่มีคลอเรสเตอรอล

 

     เนื้อผลมะกอก - มีรสเปรี้ยวฝาด หวานชุ่มคอ บำบัดโรคธาตุพิการ โดยน้ำดีไม่ปกติ และมี่ประโยชน์แก้โรคบิดได้ด้วย ธาตุพิการ หรืออาหารไม่ย่อย (Indigestion หรือ Dyspepsia) คือ อาการไม่สุขสบายที่เกิดขึ้น อาจมีเพียงอาการเดียว หรือหลายๆอาการพร้อมกัน อาจเกิดในขณะกินอาหาร และ/หรือภายหลังกินอาหาร เช่น แน่นท้อง อึดอัด เรอ แสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ บางครั้งอาเจียน 

 

     ผลมะกอกสุก - รสเปรี้ยว อมหวาน รับประทานทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำได้ดี  ลักษณะแบบตอนกินแล้วฝาดแต่พอกินน้ำตามแล้วหวานคอดีเช่น เดียวกันกับผลมะขามป้อม 

 

     เปลือกมะกอก - ฝาด เย็นเปรี้ยว แก้ร้อนในอย่างแรง แก้ลงท้องปวดมวน แก้สะอึก

 

     ยอดอ่อนของมะกอก - 100 กรัม ให้พลังงาน 46 กิโลแคลอลี่ 

 

     น้ำมันมะกอกมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก ประกอบกับมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว จึงเหมาะกับการทอดด้วยความร้อนสูง สามารถใช้ซ้ำได้โดยไม่เกิดปฏิกริยาเปลี่ยนแปลงใดๆ (ไม่เกิดปฏกริยาออกซิเดชั่น จนเกิดเป็นสารพิษตกค้าง เหมือนไขมันสัตว์ และไขมันจากเมล็ดพืช) 

 

     เมื่อนำมาทอดน้ำมันมะกอกจะทำให้อาหารดูดซึมน้ำมันเพียงเล็กน้อย ทำให้รสชาติอาหารดี ประกอบกับความหอมของน้ำมันมะกอก  ช่วยในการหมุนเสียนของโลหิต ช่วยระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น ช่วยในเรื่องผิวหนัง ช่วยระบบการเผาผลาญอาหาร ดีต่อระบบกระดูก ป้องกันโรคมะเร็ง ทำให้ร่างกายทนทานต่อสารกัมมันภาพรังสี ได้ดีขึ้น อาหารเด็กอ่อน ป้องกันการชราภาพและยังยั้งการเสื่อมถอบของสมอง ป้องกันภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจ

 

ลำไย - Longan

 

ลำไย

ลำไย

 

     องค์ประกอบหลักของเนื้อลำไยคือ Soluble Substances 79-77%  ซึ่งประกอบด้วย กลูโคส 26.91% ซูโครส 0.22% กรดทาทาริค 1.26% สารประกอบไนโตรเจน 6.31% โปรตีน 5.6% ไขมัน 0.5% และธาตุอาหารอื่น ๆ เช่น Ca, Fe, P, Na, K และวิตามิน 

 

     สารอาหารของลำไย 100 กรัม ประกอบด้วย  พลังงาน 71 แคลอรี   ไขมัน 1.4 กรัม   คาร์โบไฮเดรต 15.6 กรัม   เส้นใยอาหาร 0.3 กรัม   โปรตีน 1 กรัม   แคลเซียม 23 มิลลิกัรม   ฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม   เหล็ก 0.4 มิลลิกรัม   ไนอะซิน 0.3 มิลลิกรัม   วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรัม   วิตามินบี 2 0.14 มิลลิกรัม   วิตามินซี 56 มิลลิกรัม

 

     ลำไยเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีฤทธิ์อุ่น รสหวาน มีปริมาณซูโครสและกลูโคสสูง จึงช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้เร็ว สารอาหารต่างๆ ในลำไย เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี และวิตามินซี เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบประสาท เลือด และความแข็งแรงของกระดูกและฟัน 

 

     ข้อควรระวัง : แต่อย่ากินมากจนเกินไปเพราะอาจจะทำให้ร้อนในได้  หลังจากกินลำไยแล้วหากมีอาการร้อนในก็ให้กินน้ำเกลือตาม

 

กีวี - Kiwifruit

 

กีวี

กีวี

 

     กีวีจัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอันดับต้นๆ ของผลไม้ลดความอ้วน เพราะมีไฟเบอร์จำนวนมากที่ทำให้อิ่มเร็วและนาน สำหรับผู้ที่มักรับประทานอาหารระหว่างวันเป็นประจำหรือเป็นเพราะความหิว กีวีช่วยได้แน่นอน แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเนื่องจากกีวีเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีรสหวานแล้วแบบนี้รับประทานเข้าไปมากๆจะไม่อ้วนเหรอ ก็ต้องบอกว่าไม่อ้วนแน่นอนเพราะกีวีน้ำหนัก 60 กรัมจะให้พลังงานเพียง 25 แคลอรี่เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ

 

     กีวีเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด อย่างเช่นวิตามินเอ ซี อี เค บี1 บี2 บี3 บี6 บี9 แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม สังกะสี แมงกานีส เป็นต้น โดยกีวีจัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ มีวิตามินซีสูงมาก เพราะการรับประทานกีวีเพียง 1 ลูก (100 กรัม) จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีมากถึงร้อยละ 155 ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน และนอกจากนี้กีวียังมีโอเมก้า-3 อีกด้วย ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นอย่างมากสำหรับร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ 

 

ประโยชน์ของกีวี 

 

     กีวีอุดมเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วย วิตามินซี เป็นแหล่งไฟเบอร์ กีวีเป็นแหล่งของวิตามินอีไขมันต่ำ มีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีค่าชีวปริมาณออกฤทธิ์  ทั้งกีวียังช่วยย่อยอาหาร เป็นแหล่งของโพแทสเซียม และเป็นแหล่งของโฟเลต กีวีมีแคลอรี่ต่ำ ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ กีวีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย 

 

โทษของกีวี 

 

     ในบางรายอาจมีอาการแพ้กีวีได้ เพราะกีวีเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีเอนไซม์ชนิดพิเศษซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของอาการแพ้ได้ แต่อาการแพ้ดังกล่าวถือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆหรือแทบไม่มีเลย แต่สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้กีวีสีเขียว คุณอาจจะไม่มีปัญหาหรือมีอาการแพ้กีวีสีทองก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้ควรสอบถามแพทย์ก่อนที่จำรับประทาน

 

พุทรา - Jujube

 

พุทรา

พุทรา

 

     พุทราเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีวิตามินเอ และวิตามินซีในปริมาณมาก ซึ่งส่งผลต่อการบำรุงสายตาและผิวให้สุขภาพดีไม่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวพรรณและสายตา ตาไม่ฟาง และไม่บอดกลางคืน  เปลือกของพุทราเป็นยาแก้อาการท้องเสียอย่างดี ด้วยเพราะสารแทนนิน ซึ่งออกรสฝาดในเปลือกพุทรานั่นเอง   เมล็ดพุทราก็มีประโยชน์มากเช่นกัน เพราะนำมาป่นรักษาอาการชักในเด็กได้ อีกทั้งยังลดไข้แก้หวัดในเด็กด้วย  ใบของพุทราก็มีคุณสมบัติในการลดพิษแมลงสัตว์กัดต่อยและผื่นคันต่างๆ ได้อีกด้วย สรรพคุณมีตั้งแต่รากจรดปลายจริงๆ มีพุทราไว้ในบ้านสักต้นรับรองคุ้มจริงๆ

 

     พุทราประกอบไปด้วยเส้นใยอาหารช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก มีคาร์โบไฮเดรตซึ่งมีหน้าที่หลักในการให้พลังงานแก่ร่างกายเพื่อใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ในเนื้อพุทรา 100 กรัม มีวิตามินซี 44 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและต้านสารอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะพันธุ์พื้นเมืองและพันธุ์แอปเปิล จะมีวิตามินซีสูงกว่าพันธุ์อื่น ๆ แคลเซียมในพุทราช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน โพแทสเซียมช่วยลดความดันโลหิตและควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ จึงป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจได้ อีกทั้งยังมีฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในกระดูกและฟันรองจากแคลเซียม

 

     พุทราอีกชนิดที่ได้ยินชื่อบ่อยคือ พุทราจีน (Chinese date) จัดอยู่ในสกุล Ziziphus เช่นเดียวกับพุทรา แต่ผลมีขนาดเล็กกว่า ผลสดมีเปลือกสีน้ำตาลแดงเนื้อในสีขาว ค่อนข้างซุย รสหวาน เรามักพบเห็นพุทราจีนในแบบอบแห้ง ชาวจีนถือว่าพุทราจีนแห้งเป็นยา มีสรรพคุณในการบำรุงเลือด บำรุงประสาท และแก้อาการนอนไม่หลับ แต่ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรกินมาก เพราะพุทราจีนเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีปริมาณน้ำตาลสูง

 

มังคุด - Mangosteen

 

มังคุด

มังคุด

 

     เนื้อมังคุดมีคุณค่าทางอาหารสูง เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะโพแทสเซียม  โปรตีน สารเยื่อใย  วิตามินซี ฟอสฟอรัส แคลเซียมและแมกนีเซียม โดยมังคุด 100 กรัม ให้พลังงาน 34 กิโลแคลอรี่ จากการตรวจวิเคราะห์พบว่าในน้ำมังคุด 100 มิลลิลิตร ประกอบด้วยโพแทสเซียมปริมาณสูงถึง 87.14 มิลลิกรัม แคลเซียม 34.53 มิลลิกรัม และแมกนีเซียม 111.22 มิลลิกรัม นอกจากนี้ในเนื้อมังคุดยังประกอบด้วยคุณค่าด้านโภชนาการของธาตุอาหารมากมาย

 

     มังคุดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีสารแซนโทน (Xanthone) ในปริมาณมาก แม้จะมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ ลดความดันโลหิต ช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง และอาการแพ้ต่างๆ แต่ก็ยังขาดข้อมูลในการสนับสนุนว่ามังคุดจะสามารถรักษาอาการต่างๆเหล่านี้ได้จริง ถึงแม้ยังไม่มีรายงานการศึกษาความเป็นพิษในมนุษย์ แต่ก็พบอาการไม่พึงประสงค์หลายอย่างในแต่ละบุคคล เช่น มีอาการผิวหนังบวมแดง เป็นผื่นคันขึ้นตามตัว ปวดศีรษะ ปวดบริเวณข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ท้องเสีย ถ่ายเหลว ลำไส้แปรปรวน เป็นต้น

 

     นอกจากนี้มังคุดยังมีสารแทนนิน (Tannin) ที่อยู่ในเปลือกของมังคุด หากบริโภคมากเกินไปและต่อเนื่อง อาจจะทำให้เกิดเป็นพิษต่อตับ ไต การเกิดมะเร็งในร่องแก้ม ในทางเดินอาหารส่วนบน และยังไปลดจำนวนของเม็ดเลือดขาวจนทำให้ภูมคุ้มกันของร่างกายลดต่ำลงจากปกติ (ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะนักวิจัยศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย) ดังนั้นการรับประทานที่ดีที่สุดคือการรับประทานอย่างมีสติ ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานผลไม้เพื่อสุขภาพให้หลากหลาย ไม่ซ้ำกัน ไม่อย่างนั้นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์มากมายมันอาจจะกลายเป็นโทษต่อร่างกายเสียเอง 

 

ประโยชน์ของสารสารแซนโทนจากเปลือกมังคุด 

 

     สารแซนโทนจากเปลือกมังคุดผลไม้เพื่อสุขภาพของเราจะไปลดอาการอักเสบ และรักษาแผลพุพองต่างๆ ป้องกันโรคหัวใจ ลดความดันโลหิต (antihypertensive) และลดระดับคอเรสเตอรอล บำรุงสภาพภายในกระเพาะอาหาร ช่วยให้ทางเดินปัสสาวะมีสภาวะที่ดีขึ้น เพิ่มพูนสติปัญญา ต่อต้านและป้องกันโรคมะเร็ง ต่อต้านและป้องกันโรคภูมิแพ้ (allergies) ต่อต้านและป้องกันการติดเชื้อรา, แบคทีเรียบางชนิด, เชื้อไวรัส เพิ่มพลังงานและสร้างความกระปรี้กระเปร่าต่อต้าน ป้องกันโรคซึมเศร้า บำรุงผิวพรรณ รักษาอาการปากแตกหรือปากเป็นแผล ช่วยป้องกันโรคนิ่วในไต ช่วยชะลอการร่วงโรยแห่งวัย (aging) ช่วยในการย่อยอาหาร

 

แก้วมังกร - Dragon fruit

 

แก้วมังกร

แก้วมังกร

 

     แก้วมังกรเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด อย่างเช่น วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น รับประทานแก้วมังกร น้ำหนัก 100 กรัม ร่างกายจะได้ คาร์โบไฮเดรต 12.4 กรัม โปรตีน 1.4 กรัม ฟอสฟอรัส 32 มิลลิกรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม วิตามินซี 7 มิลลิกรัม พลังงาน 66 กิโลแคลอรี และใยอาหาร 2.6 กรัม และสารอื่นๆอีกด้วย แก้วมังกรเลยถูกจัดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจ และเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพของคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามอีกด้วย

 

     แก้วมังกรเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีสารอาหารหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม วิตามินซี และมีส่วนประกอบที่เป็นไฟเบอร์ ซึ่งมีปริมาณสูงมากในแก้วมังกร ช่วยบำรุงการทำงานของระบบขับถ่ายและในสายเส้นใย ส่วนเนื้อจะมีสารที่เรียกว่า Complex Polysaccharides เป็นตัวที่ช่วยลดการดูดซึมของไขมันประเภทไตรกลีเซอร์ไรด์ ช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด แก้วมังกร มีกากใยสูง แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินซี คลอโรฟิลล์ เมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว สามารถต่อต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่น ทานแล้วนอกจากดับร้อน ผ่อนกระหาย ยังบำรุงสุขภาพผิวพรรณสดชื่น 

 

     แก้วมังกรสำหรับสุภาพสตรีจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม ใช้เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพเสริมสุขภาพและความงามได้เป็นอย่างดี แก้วมังกรจึงเป็นผลไม้ลดความอ้วน หรือควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้ปริมาณเนื้อเยอะ สามารถทานแล้วอิ่มท้อง อิ่มทน เรียกว่าสามารถกินแทนอาหารหนึ่งมื้อได้เลย อีกทั้งยังสามารถทานในปริมาณมากๆ ได้โดยไม่ทำให้อ้วน แคลอรีต่ำ มีน้ำตาลน้อย นอกจากนี้เมล็ดของแก้วมังกรซึ่งเป็นสารคลอโรฟิลล์ อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว สามารถต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทานแล้วช่วยบำรุงสุขภาพ ทำให้ผิวพรรณสดชื่น ดูมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่ง

 

     แก้วมังกรเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพในตระกูลกระบองเพชรซึ่งมีสารที่มีประโยชน์คือ มิวซิเลจ(Mucilage) ที่มีลักษณะคล้ายวุ้นเจลช่วยดูดซับน้ำในร่างกาย ควบคุมระดับกลูโคสในคนที่เป็นโรคเบาหวาน(ชนิดไม่พึ่ง อินซูลิน)ได้ แก้วมังกรยังมีประโยชน์ในการบรรเทาโรคโลหิตจางช่วยเพิ่มธาตุเหล็กให้แก่ร่างกาย นอกจากนี้ผลแก้วมังกรยังมีสรรพคุณในการป้องกันโรคหัวใจ มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก เบาหวาน ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของกระดูกและฟัน มีสารกลุ่ม FOS ในปริมาณสูง มีคุณสมบัติเป็นสาร Prebiotic ที่ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ได้ ช่วยแก้ปัญหาการขับถ่ายต่างๆ ได้ดี และเนื่องจากตัวมันเองไม่ค่อยถูกดูดซึม ดังนั้นกินปริมาณมากก็ไม่ทำให้อ้วน แต่คงไม่สามารถใช้เป็นผลไม้ลดน้ำหนักอย่างเดียวได้

 

     แก้วมังกรเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีทั้งสรรพคุณทางยา คุณค่าทางโภชนาการหากรู้จักกินเป็นอาหารรักษาโรค(เภสัชโภชนา) แล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพกับความงาม (ผิวพรรณและเป็นผลไม้ลดน้ำหนักได้ดี) อีกด้วย จนอาจพูดได้ว่า แก้วมังกรเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เช่นเดียวกับผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น มะละกอ ส้ม กล้วย ฯลฯ ดังนั้นหากเรารู้จักเลือกรับประทาน"ผลไม้เพื่อสุขภาพ "ให้ถูกต้องย่อมเกิดผลดีกับร่างกายอย่างแน่นอน

 

เสาวรส - Passion fruit

 

เสาวรส

เสาวรส

 

     ผลเสาวรสสุกมี บีตา-แคโรทีน โพแทสเซียมและใยอาหารสูง น้ำเสาวรสมีวิตามินซีมากและเหมาะสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ผลสีเหลืองใช้ในอุตสาหกรรมน้ำผลไม้ ส่วนผลสีม่วงนิยมบริโภคสด เสาวรสเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีไลโคปีน เนื้อเสาวรส 100 กรัม ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่ 

 

     เสาวรสเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีวิตามินเอค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสารแคโรทีนอยด์ จึงช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ จากการศึกษาพบว่า มีวิตามินซีค่อนข้างสูง คือ 39.1 mg/100 g ของน้ำเสาวรส ซึ่งมากกว่าที่พบในมะนาวและพบสาร albumin-homologous protein จากเมล็ดของผลเสาวรส ซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ และยังมีสรรพคุณ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

 

     เสาวรสที่ลักษณะดีนั้นต้องไม่เหี่ยว ผิวต้องเต่งตึง แต่ทั้งนี้ห้ามรับประทานในส่วนของต้นสดเด็ดขาด เพราะมีสารพิษอันตราย อาจทำให้เสียชีวิตได้ รอรับประทานผลอย่างเดียวจะดีกว่า

 

พรุน - Prunus

 

พรุน

พรุน

 

     ลูกพรุน  ลูกพรัม หรือลูกไหน เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพลูกเล็กตระกูลเดียวกับเชอรี่ แต่มากด้วยคุณค่าต่อร่างกาย ใครที่มีโอกาสได้ทานลูกพรุนบ่อยๆ คงได้รู้สึกถึงคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากลูกพรุนแล้ว ส่วนใครที่ยังไม่เคยลอง และคิดว่ากำลังจะลอง มาดูกันว่าลูกพรุนสามารถทำอะไรได้บ้าง 

 

ประโยชน์ของพรุน 

 

  •  พรุนเพียบไปด้วยสารอาหาร วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและสังกะสี

     

  •  พรุนมีกากใยของลูกพรุนช่วยลดโคเลสเตอรอลได้ เหมาะสำหรับคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับความอ้วน มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว และอุจจาระที่ออกมาก็จะนิ่ม หมดห่วงเรื่องริดสีดวงทวารอีกด้วย

     

  •  พรุนเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมาก

     

  •  น้ำตาลจากลูกพรุนเป็นน้ำตาลฟลุคโตสและซอร์บิทอล ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ร่างกายจึงดูดซึมไปใช้ได้ทันที่กินเข้าไป

     

  •  แคลเซียมในพรุน จะทำให้คุณเป็นสาวกระดูกเหล็ก ฟันแข็งแรง หัวใจแกร่ง ประสาททำงานเป็นปกติ จะคิดอะไรก็คล่อง

     

  •  พรุนมีวิตามิน บี2 ที่ชื่อไรโนฟลาติน ที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงดีต่อผิม ผิว เล็บ และช่วยเรื่องการมองเห็น 

     

  •  พรุนอุดมด้วยวิตามินอี ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ยืดอายุของเม็ดเลือดแดง แถมยังบำรุงผิวและบำรุงสายตาให้เห็นชัดในความมืด

     

  •  พรุนมีธาตุเหล็กสูง

 

     ลูกพรุนเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีเส้นใยสูง มีทั้งแบบละลายน้ำได้และไม่ละลายน้ำ ซึ่งเส้นใยพวกนี้จะช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ทำให้ขับถ่ายได้ง่าย โรคริดสีดวงทวาร ไปจนถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่จึงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะฉนั้นใครที่กำลังท้องผูกลองหาลูกพรุนมาทานแล้วอาการท้องผูกจะไม่มากวนใจ และยังมีผลการวิจัยออกมาด้วยว่าเส้นใยที่มีอยู่ในลูกพรุนนี้สามารถไปขัดขวางการดูดซึมของไขมันได้อีกด้วย จึงทำให้ไขมันและโคเลสเตอรอลในเส้นเลือดลดลง ใครที่กำลังหาผลไม้ลดความอ้วนจึงไม่ควรพลาด

 

     ผลไม้ลดความอ้วนนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ทุกคนควรรู้จักและทราบประโยชน์ของมันไว้ การลดน้ำหนักด้วยผลไม้ให้ประสบความสำเร็จต้องเลือกกินผลไม้ให้ถูกกับความต้องการของร่างกาย นอกจากการลดน้ำหนักแล้วผลไม้ยังช่วยในเรื่องการขาดวิตามินและเกลือแร่อีกด้วย ต่อไปบทความสุขภาพจะเสนออะไร คอยติดตามให้ได้นะครับ